5 พฤติกรรมห้ามทำที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อเสริมสร้างให้สมองแข็งแรง
5 พฤติกรรมห้ามทำที่ทุกคนต้องรู้ เพื่อเสริมสร้างให้สมองแข็งแรง
 10 Oct 2019   635

     คุณมีพฤติกรรมที่ทำให้สมองไม่แข็งแรงจนเสี่ยงเป็นโรคสมองเสื่อมหรือไม่ มาสำรวจและกระตุ้นให้สมองแข็งแรง โดยการใช้ชีวิตประจำวันด้วยความตั้งใจกันดีกว่า

 

อยากให้ สมองแข็งแรง อย่าอยู่ในชุดอยู่บ้านทั้งวัน

     ในวันหยุด การอยู่ในชุดอยู่บ้านหรือชุดนอนทั้งวัน ตื่นสายหน่อย กินมื้อเช้าตามสบาย นั่งดูทีวีไปเรื่อย ๆ ไม่ต้องรีบร้อนทำอะไร ไม่มีธุระ ต้องออกไปข้างนอก ก็เป็นเรื่องสบายดี

     แต่จำไว้ว่า “การปล่อยเนื้อปล่อยตัว ไม่สนใจเสื้อผ้าหน้าผม” คือสัญญาณอย่างหนึ่งของความแก่ชรา เพราะการปล่อยปละละเลยรูปลักษณ์ตัวเองนาน ๆ จะทำให้ “สูญเสียทักษะการสวมใส่เครื่องนุ่งห่ม” ซึ่งเป็นหนึ่งในสัญญาณแรก ๆ ของการเป็นโรคสมองเสื่อม

     ดังนั้น เพื่อให้สมองแข็งแรง ไม่ให้สมองของเราแก่ลง เมื่อตื่นนอนต้องเปลี่ยน เสื้อผ้าชุดใหม่ทันทีให้เป็นนิสัย เตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่ในวันต่อไปไว้ข้างหมอน โดยเลือกให้เหมาะสมกับสภาพอากาศและกิจกรรมที่จะทำในแต่ละวัน

     พรุ่งนี้อากาศจะเป็นอย่างไร แดดจะร้อนหรือฝนจะตก จะต้องออกไปพบใคร จะใส่ชุดลำลองหรือชุดทางการดี…

     การนึกวาดภาพและวางแผน ล่วงหน้าเป็นการกระตุ้นให้กลีบสมองส่วนหน้าทำงาน และช่วยให้สมองห่างไกลความชราได้ในที่สุด

 

อย่ามัวแต่ถ่ายรูปพร่ำเพรื่อ

     ทุกวันนี้การใช้สมาร์ทโฟนถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกกลายเป็นสิ่งที่นิยมทำกัน แต่อยากให้ระวังการตั้งหน้าตั้งตากับการถ่ายรูปมากเกินไป ทันทีที่เดินทางถึงสถานที่ท่องเที่ยวก็กด “แชะ” เห็นเหตุการณ์อะไร หรือเจอคนที่มีชื่อเสียงก็กดถ่ายทันทีโดยไม่สนใจสิ่งใด การทำเช่นนี้เป็นสาเหตุที่ทำให้สมองเสื่อม

     ทั้งนี้เพราะ “ความทรงจำที่ไม่ได้เกิดขึ้นร่วมกับอารมณ์ความรู้สึกจะถูกลืมไปได้อย่างง่ายดาย” ทั้งไม่มีผลในการกระตุ้นสมองด้วย ในทางตรงข้าม ความทรงจำที่เกิดขึ้นพร้อมกับอารมณ์และความรู้สึกจะประทับอยู่ในความทรงจำและไม่ลืมเลือนไปได้ง่ายๆ ทั้งยังช่วยกระตุ้นสมองด้วย ถ้าอยากให้ สมองแข็งแรง ก็อย่ามัวแต่ถ่ายรูป

 

อย่าถอนเงินที่เคาน์เตอร์ธนาคาร

     ผู้สูงอายุหลายคนมักมีปัญหาในการใช้เทคโนโลยี คุ้นเคยกับการใช้บริการจากเคาน์เตอร์ธนาคารโดยให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการให้เกือบทั้งหมด จนไม่ต้องจำว่าเก็บบัตรเอทีเอ็มไว้ที่ไหน ใช้รหัสอะไร หรือใช้สมองคิดว่าต้องกดปุ่มอะไรบ้าง

     เมื่อต้องการทำธุรกรรมอย่างใดอย่างหนึ่ง การถอนเงินจากตู้เอทีเอ็มจึงดีกว่า เพราะการพยายามเอาชนะปัญหาการใช้อุปกรณ์อัตโนมัติระบบใหม ่ถือว่ามีประโยชน์อย่างมากในแง่ของการฟื้นฟูให้สมองแข็งแรง

     การฝึกใช้อุปกรณ์ที่ไม่เคยจับต้องหรือเลือกใช้วิธีที่ไม่เคยลองมาก่อน ล้วนเป็นการกระตุ้นสมองได้ทั้งสิ้น

 

อย่า “กิน” โดยไม่ “ดม” ก่อน

     การดมกลิ่นช่วยกระตุ้นสมองและป้องกันโรคสมองเสื่อมอย่างได้ผล จึงขอแนะนำให้เราเริ่มดมกลิ่นต่าง ๆ ที่ตามปกติเราละเลยไป

     ลองหันมาใส่ใจกลิ่นต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัว เช่น กลิ่นหนังสือ กลิ่นธนบัตร กลิ่นโซฟา กลิ่นสมาร์ทโฟน การทำเช่นนี้จะช่วยให้สมองมีชีวิตชีวาขึ้น เพราะเยื่อบุในโพรงจมูกมีเส้นประสาทฝอยที่เชื่อมโยงกับสมองโดยตรง ภายในสมองมีส่วนรับกลิ่นที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกจากการดมกลิ่น

     ด้วยกลไกดังกล่าวจึงทำให้การดมกลิ่นมีความสัมพันธ์กับประสบการณ์เหล่านี้ เช่น กลิ่นน้ำทะเลชวนให้นึกถึงเมืองที่เคยอยู่สมัยก่อน กลิ่นน้ำหอมชวนให้คิดถึงคนพิเศษ กลิ่นดอกไม้ชวนให้นึกถึงสถานที่แห่งหนึ่ง ส่วนรับกลิ่นในสมองจะได้รับการกระตุ้นจากการดมกลิ่น แล้วส่งต่อแรงกระตุ้นไปยังฮิปโปแคมปัส ส่งผลให้ความทรงจำที่บันทึกอยู่ ถูกเน้นย้ำให้ประทับแน่นยิ่งขึ้น เมื่อเราได้ดมกลิ่นอย่างใดอย่างหนึ่งอีกครั้ง ความทรงจำที่สัมพันธ์กับกลิ่นนั้น ๆ ที่อาจลืมเลือนไปแล้วก็จะหวนกลับมาอีกครั้ง

 

อย่าตัดบทสนทนา

     การสนทนากันมีทั้งการนำเข้าและส่งออกข้อมูล เราฟังอีกฝ่ายและพูดตอบพร้อมกับรื้อฟื้นความทรงจำในอดีตไปด้วย นับว่าเป็นการฝึกสมองที่ดีอย่างหนึ่ง

วิธีการสนทนาแบบที่ช่วยกระตุ้นสมองคือ

  1. ชวนสนทนาเป็นอันดับแรก จะพูดเรื่องตัวเองก็ได้
  2. ไม่ต้องกลัวว่าเรื่องนี้เคยพูดแล้วหรือยัง
  3. ไม่ตัดบทคู่สนทนา เพราะการได้พูดสำคัญที่สุด

     การพูดแบบนี้เป็นการพูดตามอารมณ์ความรู้สึก เนื้อหาของสิ่งที่พูด อาจหลุดประเด็นไปบ้าง ซ้ำไปซ้ำมาบ้าง ซึ่งอาจทำให้คนฟังคิดในใจว่า “ตกลงคุณอยากบอกอะไรกันแน่” “สรุปประเด็นให้ฟังหน่อย” แต่การเร่งรัดเข้าสู่บทสรุปเช่นนั้นจะทำให้สมองแก่!

     การสนทนาที่ฟังเผิน ๆ แล้วรู้สึกว่าไร้สาระ แต่อารมณ์ความรู้สึกที่สนุกสนานจากการพูดคุยคือสิ่งสำคัญที่ช่วยกระตุ้นสมอง คนที่พูดไปหัวเราะไปอย่างสนุกสนานกับผู้คนในชีวิตประจำวันจะไม่เป็นคน “หลงลืม” ได้ง่าย ๆ แต่การเงียบขรึม คอยแต่จะสรุปประเด็นสนทนา กลับเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ให้สมองได้รับการกระตุ้น

 

บทความนี้มาจากเพจ : Amarin books

แบ่งปัน :