เมื่อผู้เชี่ยวชาญทางด้านสัตว์ป่าตัดสินใจที่จะใช้น้ำหอม Calvin Klein's Obsession cologne ในการล่อเสือตัวเมียที่มีชื่อว่า T1 ที่คาดว่าเคยจับมนุษย์ชาวอินเดียกินเป็นอาหารอย่างต่ำถึง 9 คน (หรืออาจจะถึง 13 คนด้วยซ้ำไป) ออกมาและควบคุมตัวในสวนสัตว์ต่อไป
โดยในน้ำหอมรุ่นนี้มีส่วนผสมของฟีโรโมน (pheromone) สังเคราะห์ที่มีชื่อว่า “civetone” โดยที่เจ้า civetone ก็สามารถพบในธรรมชาติจากต่อมกลิ่นของเจ้า “ชะมดเช็ด” (civet) ที่ให้กลิ่นในโทนมัสก์ (musky odor) ที่ใช้สำหรับการประกาศดินแดนของตัวเอง พร้อมกับล่อตัวเมียมาสืบพันธุ์ด้วยนะครับ
ซึ่งก็แน่นอนว่ากลิ่นนี้จะทำให้สัตว์นักล่าอย่างเสือและสัตว์ตระกูลแมวใหญ่ (big cat) นั้นเกิดความสนใจและตามล่าเหยื่อจากกลิ่นเหล่านี้ตามสัญชาตญาณธรรมชาติของเค้านะครับ โดยที่มีการศึกษาครั้งแรกที่สวนสัตว์นามว่า Bronx zoo ใน New York (2003) จากลิงก์นี้
โดยการศึกษานั้นก็มีการทดลองน้ำหอมถึง 23 รุ่นกับเสือชีตาห์ 2 ตัว ก็พบว่าน้ำหอม Estée Lauder's Beautiful นั้นล่อความสนใจได้น้อยที่สุด (เพียง 2 วินาทีเท่านั้น) ในขณะที่น้ำหอมรุ่น Nina Ricci's L'Air du Temps สามารถล่อความสนใจได้ถึง 10.4 นาที และ Calvin Klein's Obsession cologne สามารถทำเวลาได้ดีที่สุดก็คือ 11.1 นาที และแถมด้วย Chanel No 5 ที่ให้ผลดีเช่นกัน แต่เนื่องจากราคาแพงเกินไปจึงไม่ได้รับความสนใจในการเอามาใช้งาน
จึงทำให้น้ำหอมอย่างรุ่น Calvin Klein's Obsession cologne นั้นได้รับความสนใจจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตามล่าสัตว์ป่านั้นสั่งซื้อมาใช้เพื่อการณ์นี้เฉพาะ โดยงดเว้นภาษีนำเข้าด้วยนะครับ
และนอกจากนั้นยังพบว่าน้ำหอมกลิ่นเหล่านี้นี่แหละ ที่เป็นสาเหตุทำให้เสือในป่านั้นเริ่มล่ามนุษย์มากขึ้น เนื่องจากความสามารถในการล่อความสนใจของกลิ่นของน้ำหอมต่อเสือมากขึ้นกว่าเดิมด้วย จากลิงก์นี้
เอ!! พออ่านอย่างนี้แล้ว ทาสแมวเล็กตามบ้านที่ใช้น้ำหอมกลิ่นเหล่านี้จะเหลือรอดจากกรงเล็บของเจ้านายที่บ้านมั้ยเนี่ย!! แอดล่ะสงสัยจริง!!
น้ำหอมบางกลิ่นสามารถล่อสัตว์ตระกูลแมวใหญ่ได้
บางทีที่แมวมาคลอเคลียเพราะอาจจะได้กลิ่นน้ำหอมเหล่านี้ด้วย
ทาสแมวจะลองสนใจไปใช้ล่อแมวที่บ้านก็ได้นะครับ
สุดท้ายนี้แอดก็ขอขอบคุณรูปประกอบบทความจากทาง Calvin Klein และ The Guardian ด้วยนะครับ
บทความนี้มาจากเพจ: เคมีฟิสิกส์ของสิ่งทอ อาหาร และของรอบตัว