8 ความเข้าใจผิดเรื่องการบำรุงผิว และวิธีบำรุงผิวที่ถูกต้อง
8 ความเข้าใจผิดเรื่องการบำรุงผิว และวิธีบำรุงผิวที่ถูกต้อง
 10 Oct 2019   649

      การบำรุงผิว ตามความเข้าใจที่ผิด ซึ่งเกิดจากบรรดาข้อมูลความงามมากมายที่เผยแพร่ผ่านสื่อต่างๆ เช่น โทรทัศน์ หรือนิตยสาร คุณรู้หรือไม่ว่าข้อมูลไหนถูกต้องบ้าง

      มาดูกันว่าการบำรุงผิว ที่เกิดจากความเข้าใจผิดเล็กๆ น้อยๆ มีอะไรบ้าง แล้วใช้โอกาสนี้แก้ไขความเข้าใจที่คลุมเครือและไม่ถูกต้องกันเถอะ

 

การบำรุงผิว แบบผิดๆ

      พอรู้สึกว่าผิวแห้ง ก็จะตบด้วยโทนเนอร์ เพื่อให้ผิวชุ่มชื้น

      “ผิวแห้ง” หมายถึง ผิวที่มีประสิทธิภาพในการคงความชุ่มชื้น หรือความสามารถในการกักเก็บน้ำลดลง โดยปกติเซลล์ผิวชั้นนอกสุด จะมีสารคงความชุ่มชื้นที่เรียกว่า เซราไมด์ แต่หากเซราไมด์ลดลงและไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ ก็จะทำให้ผิวแห้ง แม้จะบำรุงผิวด้วยโทนเนอร์ ผิวก็ไม่สามารถเก็บความชุ่มชื้นได้

      ในภาวะเช่นนี้ การเติมสารคงความชุ่มชื่น เช่น เซรั่มที่ผสมเซราไมด์จะดีกว่าการใช้โทนเนอร์บำรุงผิว

 

ใช้ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางชนิดน้ำมันทำความสะอาดสิ่งสกปรกอย่างหมดจด จะได้ไม่อุดตันรูขุมขน

      ขนาดของรูขุมขนขึ้นอยู่กับปัจจัยทางพันธุกรรม แต่หากล้างความมันบนใบหน้าออกไม่หมด ก็จะทำให้รูขุมขนเด่นชัดขึ้นได้ เนื่องจากรูขุมขนอุดตันหรือหย่อนคล้อย อย่างไรก็ตาม การล้างเครื่องสำอางด้วยวิธีขัดถูจะยิ่งกระตุ้นและรบกวนผิว

วิธีดูแลรูขุมขนอุดตันที่ถูกต้องคือการขจัดเซลล์ผิวเก่าออก กรณีที่รูขุมขนหย่อนคล้อย ให้เพิ่มคอลลาเจนในชั้นหนังแท้เพื่อป้องกันความร่วงโรย

คิดว่าเซลล์ผิวเก่าเกาะตัวหนา ก็เลยถูขี้ไคลออก

      เวลาได้ยินโฆษณาผลิตภัณฑ์ที่บอกว่า ช่วยให้เซลล์ผิวเก่าหลุดลอกอย่างเห็นได้ชัด เรามักเข้าใจว่าเซลล์ผิวเก่าเป็นสิ่งที่ผิวไม่ต้องการ จริงอยู่ที่ว่าการปล่อยให้เซลล์ผิวเก่าตกค้างบนผิวหนัง จะทำให้ผิวหน้าหมองคล้ำ แต่การขัดถูจะยิ่งเป็นการทำร้ายผิว

      ดังนั้น หากต้องการขจัดเซลล์ผิวเก่า และผลัดเซลล์ผิวใหม่อย่างราบรื่น ควรทำการลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว

      นอกจากนี้ เมื่อเซลล์ผิวเก่าหลุดลอกไป อาจทำให้ผิวแห้งได้ง่าย จึงต้องไม่ลืมรักษาความชุ่มชื้นของผิวด้วย

 

ซื้อผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งราคาแพงขึ้นมาใช้ ตรงบริเวณที่กระขึ้น

      เมื่ออายุเลย 30 กระที่เกิดขึ้นบริเวณแก้มเป็นกลุ่มเม็ดสีที่เกิดขึ้นในคนชรา กระจาง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงแรกสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งมาช่วยให้จางลงได้ แต่กระที่เข้มขึ้นจะต้องรักษาด้วยเลเซอร์ ผลิตภัณฑ์ไวเทนนิ่งจะมีประสิทธิภาพในการป้องกันการเกิดกระ/ฝ้ามากกว่าจะลดเลือน

      ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ ควรทาให้ทั่วผิวหน้า แทนที่จะใช้เฉพาะจุด

เลือกผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางแบบเช็ดออกเพราะใช้ง่ายและเช็ดผิวจนเกลี้ยงไม่ให้เหลือตกค้างเลย

      หลายคนเข้าใจว่า การล้างเครื่องสำอางต้องล้างให้สะอาดหมดจด แต่สิ่งที่สำคัญกว่าการล้างเครื่องสำอางให้สะอาด คือ ต้องรบกวนผิวให้น้อยที่สุด ผลิตภัณฑ์ล้างเครื่องสำอางที่ทำความสะอาดได้ดีมักมีสารลดแรงตึงผิวซึ่งรบกวนผิว ส่วนผลิตภัณฑ์ชนิดเช็ดเครื่องสำอางมักสร้างความเสียหายให้ผิวพอสมควร การเช็ดถูอย่างรุนแรงบนบริเวณผิวที่บอบบาง เช่นเปลือกตา จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำอย่างยิ่ง

      ควรเลือกผลิตภัณฑ์ชนิดเนื้อครีมที่ช่วยล้างเครื่องสำอางได้สะอาดและไม่รบกวนผิวจนเกินไป

 

ดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร เพราะรู้สึกว่าสิ่งตกค้างภายในร่างกายถูกขับออก

      มีคนไม่น้อยที่คิดว่าเมื่อดื่มน้ำแล้วการเผาผลาญจะดีขึ้นแต่การดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ได้ช่วยให้การผลัดเซลล์ผิวดีขึ้นหรือผอมลงได้ง่ายแต่อย่างใด ไตมีขีดจำกัดในการจัดการกับน้ำในร่างกาย หากดื่มน้ำมากเกินไปจะทำให้เกิดของเหลวสะสมในร่างกายจนเกิดอาการบวมน้ำได้ และของเสียก็ไม่ได้ถูกขับออกมาตามปริมาณน้ำที่ดื่มแต่อย่างใด นอกจากแค่ทำให้ปัสสาวะมีสีอ่อนลงเท่านั้น

ถ้านอนไม่พอผิวจะไม่สวย ช่วงสุดสัปดาห์ก็เลยนอนทั้งวันเพื่อชดเชยที่นอนไม่พอ

      การนอนหลับสำคัญต่อผิวมากกว่าการรับประทานอาหารหรือใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวราคาแพง เพราะในช่วงที่นอนหลับ เซลล์ผิวจะทำการแบ่งตัวและผลัดเซลล์ผิวใหม่ ซึ่งการนอนหลับพักผ่อนไม่เพียงพอจะขัดขวางกระบวนการดังกล่าว และเป็นสาเหตุให้ผิวแห้งกร้านหรือหมองคล้ำ ยิ่งกว่านั้นอาจกระตุ้นให้ผิวร่วงโรยเร็วขึ้น

      หลายคนอาจเข้าใจว่าการนอนชดเชยช่วยคลายความเหนื่อยล้า แต่วิธีนี้ไม่สามารถฟื้นฟูกระบวนการผลัดเซลล์ผิวให้กลับคืนมาเป็นปกติได้

 

หลังจากทาเมคอัพเบสที่มี ค่า SPF และ PA สูงๆ แล้ว ก็ตามด้วยรองพื้นที่ป้องกันรังสียูวีทับอีกที

      แม้แสงแดดจะเป็นศัตรูตัวฉกาจของผิว แต่การทาครีมกันแดดก็อาจสร้างภาระให้ผิวได้เช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ที่มีค่า SPF และ PA สูง ๆ นอกจากนี้ในผลิตภัณฑ์รองพื้นก็มักจะผสมสารป้องกันแสงแดดอยู่แล้ว

      ดังนั้นในชีวิตประจำวัน การใช้เฉพาะรองพื้นก็เพียงพอแล้ว และควรใช้รองพื้นชนิดแป้งที่ไม่รบกวนผิวจนเกินไป ทั้งยังป้องกันรังสียูวีได้ด้วย

 

บทความนี้มาจากเพจ : Amarin books

แบ่งปัน :
ข่าวอื่นๆ